พระเอก ‘ไบร์ท’ นรภัทร วิไลพันธุ์ ใช้ประสบการณ์ตรงลงแสดงซีรีส์ “LOVE LESSON 010 แบบฝึกรัก..ไม่รู้ล้ม” ทางช่องวัน 31 ถ่ายทอดบท ‘นนท์’ หนุ่มเพลย์บอยตัวพ่อ ใช้ชีวิตรักสนุก ไม่ผูกมัด

โดยวันนี้เจ้าตัวมาเปิดใจถึงการสวมบทดังกล่าว รวมถึงความรักที่คบสาวงาม ‘โบกี้’ เฌอริสา ธนะ มิสแกรนด์ปัตตานี 2022

บทในเรื่องนี้ ใกล้เคียงตัวตนเราไหม?

ไบร์ท – “ใกล้เคียงในช่วงหนึ่ง เคยเป็นอะไรประมาณนี้ เคยเอ็นจอยไลฟ์ คิดว่าชีวิตแบบนี้คือทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ คือตัวละคร นนท์ เนี่ย เป็นคนเอ็นจอยความสัมพันธ์แบบชั่วคราว ไม่ชอบให้ใครผูกมัด ทีนี้ต้องย้อนกลับมาหาว่ามันทำแบบนี้ทำไม”

รู้สึกยังไงที่คนมองว่าบทนี้ต้องเป็น ‘ไบร์ท’ มีภาพลักษณ์เพลย์บอย?

ไบร์ท – “ก็ดี ไม่ต้องเสียเวลาแคสต์ (หัวเราะ) จำได้ว่าไม่มีการออดิชั่น ปักธงมาคนแรกว่าเรื่องนี้เป็นผม ผมไม่คิดว่าจะเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ด้านนี้ ผมเป็นนักแสดง มีบทไหนที่ผู้ใหญ่มองว่าเป็นผม ผมก็เชื่อและทำหน้าที่ให้ดี เขาเลือกเรา เพราะเราอาจจะเข้าใจในตัวละครนี้กว่าคนอื่นๆ ด้วยเราเคยผ่านช่วงชีวิตแบบนั้นมาจริงๆ (หัวเราะ)”

แล้วในชีวิตจริง เราหยุดวงจรนี้ได้ยังไง?

ไบร์ท – “หลายอย่างเลย เริ่มจากเลิกดื่มก่อน อยู่ๆ อยากเลิก หักดิบเลย คิดว่าถึงเวลาแล้ว โตขึ้นแล้ว ถามตัวเองว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร ผมอยากมีครอบครัว อยากมีลูก อยากมีความมั่นคง ทั้งในเรื่องความสัมพันธ์ การเงิน ทุกอย่าง แต่ถ้าเราเป็นอย่างนี้ แล้วจะมีครอบครัวมีลูก ใครจะไว้ใจเรา ลูกจะเห็นตัวอย่างเราแบบนี้เหรอ ก็เลยคิดว่าต้องเริ่มแล้ว”

“ผมรู้สึกอิ่มกับมัน บางทีไม่ใช่แค่เรื่องความเจ้าชู้อย่างเดียว ผมรู้สึกว่าเวลากินเหล้ามันสนุก กล้าพูด กล้าทำ เคยมองว่าคือข้อดี แต่ผ่านไปนานๆ เริ่มเห็นข้อเสียมากกว่าข้อดี คิดว่าพอดีกว่า ไม่เอาแล้ว”

แล้วตอนนี้ความสุขในชีวิตไบร์ทคืออะไร?

ไบร์ท – “พยายามเติมเต็มตัวเองอยู่ คุยกับตัวเองเยอะมาก พยายามยอมรับตัวเองก่อนว่าไม่ดียังไง ค้นหาว่าความสุขของเราคืออะไรกันแน่ เกิดมาเพื่ออะไร เราอย่าใช้ชีวิตตามคำคนอื่น ทำเพราะเขาสั่งให้เราทำ หรือทำเพื่อเอาใจใคร ดูว่าเราต้องการอะไรกันแน่ โดยตัดเสียงคนอื่นออกไปให้หมด แล้วทำมันซะ ไปลองทำอะไรใหม่ๆ เชื่อไหมพอออกจากวัฏจักรปาร์ตี้ ผมมีเวลากับตัวเองเยอะขึ้นมาก”

คุณพ่อคุณแม่แฮปปี้ไหม เหมือนได้ลูกคนใหม่เลย?

ไบร์ท – “เขาแฮปปี้ตั้งแต่ตอนผมเป็นเวอร์ชั่นที่แล้วแล้ว แต่เวอร์ชั่นนี้เขาคงดีใจมากขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนดีขนาดนั้น ยังมีหลายเรื่องที่ต้องทำให้ได้ เช่นเรื่องอารมณ์ รู้สึกว่าตัวเองโมโหรุนแรงแบบไม่มีเหตุผลไปหน่อย ค่อยๆ หาคำตอบ อยากจะแก้ ตอนนี้กำลังคิดหาจิตแพทย์ให้ช่วยรักษา ช่วยจัดการอารมณ์เรา ตอนนี้ยอมรับว่าใจร้อน ขี้โมโห อยากเป็นคนที่ดีขึ้น อยากทำเพื่อตัวเองบ้าง มันถึงเวลาของไบร์ทแล้วที่ต้องเติบโต”

ในซีรีส์มีจุดเปลี่ยนเพราะผิดหวังกับความรัก ชีวิตจริงเราเจออะไรแบบนั้นหรือเปล่า?

ไบร์ท – “ไม่ เราไม่ได้เฮิร์ตกับความรัก แต่กลายเป็นว่าเราอยากเป็นคนที่ดีขึ้นเพราะความรักต่างหาก ไม่กี่เดือนมานี้ พ่อผมมาพูดกับผม ซึ่งพ่อไม่เคยคุยอะไรจริงจังด้วยเลยนะ แต่วันนึงพ่อพูดว่าเมื่อไหร่จะจริงจังสักที ก่อนตายพ่ออยากอุ้มหลานนะ 2 ประโยคแค่นี้เลย”

“สิ่งแรกในหัวคือ ผมไม่จริงจังเหรอ ผมจริงจังตลอดนะ แต่ที่พ่อพูดไม่ได้พูดเล่น สิ่งที่เขาพูดคือคิดมาดีแล้ว เราก็กลับมาคิดดู ความรักไม่ใช่การรับมา มันคือการให้ ก็เริ่มเข้าใจ เลยถามตัวเองว่าอะไรคือเป้าหมายในชีวิต ตั้งแต่เด็กผมพูดตลอดว่าอยากมีครอบครัวมีลูก อยากทำครอบครัวตัวเองให้ดีให้อบอุ่นมั่นคง แต่ถ้ายังเป็นคนแบบนี้อยู่ เราไม่สามารถครอบครองในสิ่งที่ต้องการได้ เพราะฉะนั้นเราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมหลายๆ เรื่องเลย”

ในวัย 27 คิดว่าพร้อมหรือยัง?

ไบร์ท – “ไทมิ่งแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนอาจคิดตั้งแต่ 22 แต่บางคนอยากทำตอน 35 แต่ผมว่าของผมน่าจะถึงเวลาแล้ว เราเริ่มทำมันแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้มันเลย ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนดีทำ 2 เดือนแล้วจะได้ทุกอย่าง ต้องค่อยๆ ทำ แต่สิ่งที่ขอบคุณตัวเองคืออย่างน้อยเราได้เริ่มแล้ว”

แปลว่าอินเลิฟกับสาวคนเดิม ‘โบกี้ เฌอริสา’?

ไบร์ท – “คนเดิมครับ เขาก็มีส่วนทำให้คิดแบบนี้ เขาให้ความสำคัญกับความรักมาก แต่สำหรับผมความรักไม่เคยอยู่อันดับ 1 เลยสักครั้งเดียว รู้สึกเป็นเรื่องไม่สำคัญ ณ วัยนี้ ผมควรทำงานก่อน ทำงานเหนื่อยเครียด ก็ต้องเอ็นจอยกับเพื่อน แล้วเหลือเมื่อไหร่ค่อยเป็นความรัก อันนี้คือมายด์เซ็ตผมทั้งชีวิต จนกระทั่งคนนี้เขาเอาความรักมาเป็นอันดับ1”

“ถ้าเขาเจอผม 2-3 ปีที่แล้วเราอาจจะไม่ได้คุยกัน เพราะผมจะบอกว่าติงต๊อง แต่มันมาในช่วงเวลาที่ผมกำลังรู้สึกแบบนี้พอดี พอผมเห็นเขาให้ความสำคัญกับความรักมากขนาดนั้น กลายเป็นว่าเราอยากทำตัวให้ดีให้คู่ควรกับความรักที่เขาให้”

“ไม่ใช่พอคบคนนึงแล้วเขาขอให้เลิกกินเหล้า เลิกเที่ยว แล้วเราทำ อันนั้นทำเพราะจำเป็น แต่พอมีโอกาส นึกออกไหม เสือที่กรงมันไม่ได้ล็อก มันพร้อมออกไปอยู่แล้ว แต่พอเป็นครั้งนี้ เราอยากทำเอง ไม่ต้องล็อก ไม่ไป ไม่ต้องล่ามด้วย ไม่ไปไหนทั้งนั้น”

ซ่อนเขี้ยวไว้ตรงไหน?

ไบร์ท – “ไม่ได้ซ่อน ณ ปัจจุบันเราเต็มที่ ตั้งใจกับมัน อยากทำให้ดี พอตั้งใจจริงๆ ว่าอยากเป็นคนที่ดีขึ้น ทำตัวให้ดีคู่ควรกับเขา กลายเป็นว่าเราเจอข้อเสียตัวเองแบบมหาศาล ทั้งเรื่องอารมณ์ความใจร้อน หลายๆ อย่างที่ผมคิดว่าผมเข้าใจมนุษย์มากๆ แล้ว แต่กลายเป็นว่าผมไม่เข้าใจอะไรเลย”

เขาเป็นคนที่เข้าใจและยอมรับในตัวตนไบร์ท?

ไบร์ท – “ใช่ เขารู้ว่านี่คือข้อเสียของผม แต่เขาเลือกจะไม่ขยี้ ไม่เอาข้อเสียมาเป็นโอกาสในการโจมตีผม เขาให้เกียรติผมมากและทำให้ผมอยากให้เกียรติเขามากเหมือนกัน ปัญหาคลาสสิคของคนที่คบกัน ผู้หญิงโกรธที่ผู้ชายกดไลก์รูปผู้หญิง ผมมีปัญหานี้กับทุกคนที่คบ แต่คนนี้ผมไม่กล้าแม้แต่จะกดไลก์ ไม่ได้กลัวเขาด่านะ แต่กลัวเขาเสียใจ”

ลุกส์แฟนเราดูเปรี้ยวจี๊ด?

ไบร์ท – “ลุกส์เขาดูแรงๆ ร้ายๆ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย ผมเคยรู้จักเขา 3-4 ปีที่แล้วก็คิดว่าเขาเป็นคนอย่างนั้น เลยไม่ซีเรียสไม่จริงจัง คุยเล่นๆ แต่พอผ่านมา ได้รู้จักกันจริงๆ กลายเป็นหนังคนละม้วนแบบที่เราไม่สามารถตัดสินคนที่ภายนอกได้เลยจริงๆ”

บอกว่าอยากมีครอบครัวแล้ว ตั้งเป้าด้วยกันไหมว่าอีกนานแค่ไหน?

ไบร์ท – “จริงๆ เพอร์เฟ็กต์แพลนของผมคืออายุ 30 อยากมีครอบครัว แต่ก็ไม่รู้อนาคต ผมคบเขามาเกือบๆ ปี เรียกว่าเขาเปลี่ยนเราได้ หลายๆ อย่างเข้ามาในเวลาใกล้เคียงกันหมด แล้วเป็นเวลาที่เป็นจุดพีกของความสำราญเลย นึกออกไหม แต่ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมาคิดได้ในช่วงเวลาแบบนี้ จริงๆ ผมเสพสุขกับเวอร์ชั่นนั้นต่อไปก็คงสนุกมาก แต่ผมไม่เอาแล้ว พอดีกว่า”

เห็นซื้อบ้าน 10 ล้านร่วมกับแฟน?

ไบร์ท – “เป็นโฮมออฟฟิศมากกว่า แบ่งโซนชัดเจนว่าออฟฟิศฉัน ออฟฟิศเธอ ซื้อมาเพื่อทำงานโดยเฉพาะ อยากทำอะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้น บ้านนี้ก็เป็นชื่อเขา เพราะอยากแสดงความมั่นคงให้เขา ส่วนอนาคตจะใช้เป็นเรือนหอมั้ย คงไม่ครับ ถ้าถึงจุดนั้นคงไปซื้อที่อื่นที่ดีกว่านี้ ส่วนข่าวดียังไม่ใช่เร็วๆ นี้ ทำงานหาเงินก่อน ตอนนี้ความรักแฮปปี้ดีมากๆ ครับ”

มองตัวเองไหมว่าจะอยู่ในวงการในแบบไหน?

ไบร์ท – “ภาพที่ฝันไว้คือผมอยากเป็นนักแสดง อยากทำงานแสดง ไม่อยากทิ้ง แม้จะยังคิดไม่ออกว่าเมื่อเรามีครอบครัวแล้วจะทำมันได้ไหม เพราะเป็นงานที่ใช้เวลาเยอะมาก ถ้ามีลูกเล็กสักคน แทบไม่เจอหน้าเลยมั้ง ออกจากบ้าน 6 โมงเช้าถึงบ้าน 5 ทุ่ม เวลาครอบครัวคือตอนไหน ยังคิดไม่ออกว่าจะประคองมันไปไว้ด้วยกันได้ยังไง”

“แต่ตอนนี้ ยังไม่มี ก็ทำงานก่อน เอางานให้ดี ยืนหยัดเหยียบ 2 ขาในทางนักแสดงให้แน่นก็พอแล้ว 30 ค่อยว่ากันครับ”